น้ำมันเครื่องรถยนต์แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก โดยแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันในด้านการผลิต คุณสมบัติ และราคา ดังนี้

1. น้ำมันเครื่องธรรมดา (Mineral Oil)

ลักษณะ : ผลิตจากการกลั่นน้ำมันดิบ ไม่มีการปรับปรุงหรือเพิ่มสารเคมีพิเศษมากนัก

ข้อดี

– ราคาถูก

– เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานทั่วไป หรือรถเก่าที่ไม่ได้ใช้สมรรถนะสูง

ข้อเสีย

– เสื่อมสภาพเร็ว

– ต้องเปลี่ยนถ่ายบ่อย (ประมาณทุก 3,000-5,000 กิโลเมตร)

2. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi-Synthetic Oil)

ลักษณะ : ผสมระหว่างน้ำมันเครื่องธรรมดากับน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ โดยมีส่วนของน้ำมันสังเคราะห์ประมาณ 20-30%

ข้อดี

– คุณภาพดีกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา

– ราคาสมเหตุสมผล

– ใช้งานได้ในรถยนต์ทั่วไปและรถยนต์ที่มีสมรรถนะกลางๆ

ข้อเสีย

– อายุการใช้งานสั้นกว่าน้ำมันสังเคราะห์เต็มรูปแบบ (ประมาณทุก 5,000-7,000 กิโลเมตร)

3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Synthetic Oil)

ลักษณะ : ผลิตจากการปรับปรุงทางเคมีเพื่อให้มีคุณสมบัติที่ดีกว่า

ข้อดี :

– ทนทานต่ออุณหภูมิสูง

– ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์

– อายุการใช้งานยาวนาน (ประมาณทุก 10,000-15,000 กิโลเมตร)

– เหมาะสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูง หรือรถยนต์ที่ใช้งานหนัก

ข้อเสีย :

– ราคาสูง

การเลือกใช้น้ำมันเครื่อง 

1. อ้างอิงจากคู่มือรถยนต์ : ผู้ผลิตมักจะระบุประเภทน้ำมันเครื่องและค่าความหนืด (เช่น 0W-20, 10W-40) ที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ
2. ลักษณะการใช้งาน : หากใช้รถในเมืองบ่อยๆ และไม่ใช้งานหนัก น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์อาจเพียงพอ สำหรับผู้ที่ใช้งานหนักหรือเดินทางไกล ควรเลือกน้ำมันสังเคราะห์
3. งบประมาณ : น้ำมันสังเคราะห์ราคาสูง แต่ช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องยนต์

ซื้อรถกับ คาร์พร้อมท์ ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำมันเครื่อง เพราะเราเช็คน้ำมันเครื่องให้ตามระยะ เรามีประวัติ Service รถให้ลูกค้าดู ลูกค้าสามารถรับรถไปดูแลต่อได้แบบสบายใจไร้รอยต่อเรื่องการ Maintenance ยืดอายุการใช้งานรถได้อีกยาว ได้หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกน้ำมันเครื่อง สามารถติดต่อสอบถามฝ่ายขายได้เลยครับ!